พันธุ์ฝรั่งอินทรีย์
1. พันธุ์เย็นสอง
เป็นพันธุ์ที่คาดว่าเกิดจากการกลายพันธุ์
โดยการเพาะเมล็ด และมีการสันนิษฐานกันว่าได้จากการผสมข้ามตามธรรมชาติระหว่างกลมสาลี่และกลมทูลเกล้า
เป็นพันธุ์ที่มีทรงพุ่มค่อนข้างสูงตั้งกว่ากลมสาลี่ ต้นมีการเจริญเติบโตเร็ว
ใบมีลักษณะเรียวยาว และมีสีเขียวเข้มกว่ากลมสาลี่ ผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่
(ใหญ่กว่ากลมสาลี่) ผิวผลขรุขระเล็กน้อย มีกลีบขึ้นบริเวณขั้ว เนื้อสีขาว
ปริมาณเนื้อมากกว่ากลมสาลี่ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว (อมเปรี้ยวมากกว่ากลมสาลี่)
เป็นพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกในระดับปานกลาง
2. พันธุ์กลมสาลี่
เป็นฝรั่งที่ได้จากการนำต้นฝรั่ง
(เพาะเมล็ด) จากเวียดนามมาปลูก แล้วกลายพันธุ์ได้พันธุ์ที่มีลักษณะแตกต่างกันจำนวน
5 พันธุ์ คือ กลมสาลี่ กลมอัมพร กลมทูลเกล้า ขาวบุญสม
และขาวนิยม แต่มีเพียงกลมสาลี่ที่เกษตรกรยังนิยมปลูกในปัจจุบัน ลักษณะโดยทั่วไป
ต้นมีการเจริญเติบโตดี ทรงพุ่มเตี้ยแผ่กว้าง ใบค่อนข้างยาวรี
อายุให้ผลหลังปลูกเร็ว ติดผลดก ผลกลมแป้น ผิวเขียวอมเหลือง ขนาดผลปานกลาง
รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อหนาละเอียดแน่นกรอบ สีขาว มีเมล็ดปานกลาง
ผลที่แก่สามารถปล่อยผลไว้บนต้นได้นาน เป็นพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกมาก
3. พันธุ์กิมจู
ลักษณะพันธุ์ผลไม่กลม มีสันนูน
ไม่สมมาตร เมล็ดน้อย เนื้อหนา แน่น กรอบหวานเหมาะแก่การบริโภคผลสด
เพราะสามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค
สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรบ้านหนองปุ่น
จากอาชีพเสริมหลังฤดูทำนากลายมาเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่...คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝรั่งไร้เมล็ด
แต่อันที่จริงเป็นฝรั่งที่มีเมล็ด แต่สภาพไร้เมล็ด(seedless) เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมน GA (Gibberellic acid) ซึ่งช่วยในการยืดและขยายตัวของเซลล์พืช
จะมีมากในช่วงปีแรกของการเจริญเติบโตของต้นฝรั่ง
ทำให้ลูกชุดแรกออกมาในลักษณะที่ลูกใหญ่ยาว ไม่มีเมล็ด
4. พันธุ์แป้นสีทอง
คาดว่ากลายพันธุ์มาจากกลมสาลี่ มีทรงพุ่มเตี้ย
กิ่งค่อนข้างเลื้อย ทอดขนานไปกับพื้น โดยจะสังเกตได้ชัดหลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 1 ปี ใบมีสีเขียวเข้ม เรียวยาวและขนาดแผ่นใบใหญ่กว่ากลมสาลี่ ผลกลมแป้นใหญ่
ขั้วใหญ่ หัวบุ๋ม ผิวผลขรุขระเล็กน้อย มีกลีบขึ้นบริเวณขั้ว เนื้อหนาละเอียดมาก
แน่นและกรอบ มีเมล็ดน้อย รสชาติหวานกรอบ ติดผลดก สามารถให้ผลที่มีน้ำหนักมากที่สุด
ตั้งแต่ 1-2 กิโลกรัม
5. พันธุ์ทับทิมสยาม (เป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นเองตามธรรมชาติ ขี้นก + แป้น)
มีผลขนาดเล็ก, เนื้อบางและมีจำนวนเมล็ดมาก
คุณดำรงศักดิ์ได้ทำการพัฒนาสายพันธุ์เรื่อยมาจนได้พันธุ์ “ทับทิมสยาม”
ซึ่งเป็นลูกของต้นฝรั่งประดับจากประเทศฟิลิปปินส์
หลังจากนั้นได้นำพันธุ์ทับทิมแดงสยามเป็นต้นแม่มาผสมพันธุ์กับพันธุ์แป้นสีทองเป็นต้นพ่อ
ลูกผสมออกมาได้ต้น, ใบ, ดอกและสีของผลจากต้นแม่คือสีแดงทั้งหมด
บริเวณหลังใบมีสีแดงน้ำตาล, ส่วนของหน้าใบมีสีเขียวออกดำ
ดอกมีสีแดงอมชมพูสวยงามมาก ลำต้นสีแดง
ขณะที่ติดผลอ่อนสีของผลมีสีน้ำตาลดำและเมื่อผลแก่สีของผลจะจางลงเป็นสีน้ำตาลแดง
ผลแก่มีลักษณะทรงผลคล้ายกับฝรั่งเวียดนาม เนื้อมีสีแดงรสชาติหวานและกรอบมีกลิ่นของฝรั่งขี้นกและจัดเป็นฝรั่งที่ให้ผลดกไม่แพ้สายพันธุ์อื่น
6. พันธุ์ฮ่องเต้
ฝรั่งไต้หวันที่ชื่อว่าพันธุ์ “ฮ่องเต้” ลักษณะของผลมีความแตกต่างจากฝรั่งพันธุ์เจินจูตรงที่
ทรงผลจะเป็นทรงกระบอกสี่เหลี่ยม เมื่อผลเจริญเติบโตเต็มที่จะมีน้ำหนักผลไม่ต่ำกว่า
500 กรัม เนื้อมีรสชาติหวานกรอบและเมล็ดน้อยมาก
ที่สำคัญเป็นสายพันธุ์ที่ออกดอกและติดผลง่าย ในขณะที่พันธุ์เจินจูจะมีผลทรงกลมมนและมีหกเหลี่ยม
7. พันธุ์ฝรั่งขี้นก แดง/ขาว
ฝรั่งสีชมพู หรือ ฝรั่งขี้นก
คนสมัยก่อนคงจะรู้จักกันดีว่า เป็นผลไม้ทรงกลม ขนาดปานกลาง ที่มีเนื้อทั้งสีขาว
เหลือง ชมพู กลิ่นหอม
แต่ส่วนมากแล้วผู้คนไม่ค่อยนิยมนำมารับประทานเพราะเนื้อค่อนข้างเละและไม่
กรอบเหมือนฝรั่งลูกโตๆ
พันธุ์ชมพู่อินทรีย์
1. พันธุ์ทูลเกล้า
เป็นชมพู่ในกลุ่มเดียวกันกับชมพู่เพชร
ทรงผลยาวรีให้ผลเร็ว ออกดอก ติดผลง่าย รสชาติไม่หวานจัด ปลูกมากแถบจังหวัดนครปฐม
สมุทรสาคร และราชบุรี
2. พันธุ์เพชรสายรุ้ง
เป็นชมพู่มีทรงพุ่มขนาดปานกลาง
ตัวใบบางทรงรี ดอกสีขาว ผลแก่จะมีสีเขียวมีริ้วสีชมพู
ถ้าหากห่อผลจะทำให้ผลมีสีขาวริ้วอมชมพู ผลทรงระฆังมีเมล็ดอยู่ภายใน รสชาติหวานจัด
เนื้อกรอบแข็ง เป็นพันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้าในแถบจังหวัดเพชรบุรี
3. พันธุ์สามพราน
ซึ่งมีลักษณะคล้ายชมพู่เพชร แต่ผลโตผิวมันสีเขียวอมชมพู เนื้อกรอบรสชาติหวาน เป็นพันธุ์ใหม่ ปัจจุบันมีปลูกเป็นการค้าโดยทั่วไปแถบจังหวัดนครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร
4. พันธุ์ทับทิมจันทร์
เป็นพันธุ์ที่นำมาจากประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งเป็นชมพู่ที่มีสีแดงเข้ม ทรงผลยาวคล้ายเพชรน้ำผึ้ง พันธุ์ทับทิมจันทร์
มีลักษณะดีกว่าพันธุ์เพชรน้ำผึ้งคือ ผลโต เนื้อแน่นกรอบกว่า และมีความหวานสูงถึง 14
องศาบริกซ์ ซึ่งสูงกว่าเพชรน้ำผึ้งมาก การออกผลทะวายทั้งปี
5. พันธุ์ทองสามสี
ลักษณะของชมพู่พันธุ์นี้คือ มีลำต้นค่อนข้าง
สูงประมาณ 15 – 25 เมตร ลำต้นขรุขระไม่ตรงแตกกิ่งก้านสาขามาก
ดอกสีขาวเป็นแบบชนิดดอกสมบูรณ์ เพศ ดอกใหญ่มีกลิ่นหอมเล็กน้อย
ผลมีลักษณะคล้ายระฆังคว่ำ เนื้อสีขาวถึงขาวขุ่น
ชมพู่ทองสามสี บางครั้งอาจเรียกชมพู่ทับทิมจันทร์
ความยอดเยี่ยมของพันธุ์นี้อยู่ที่ผลใหญ่ เนื้อแน่น ไม่มีเมล็ด สีแดงสด
ลักษณะทรงผลคล้ายชมพู่เพชรน้ำผึ้ง
แต่ก้นผลใหญ่กว่าซึ่งเป็นส่วนที่มีรสชาติหวานอร่อย ผิวชมพู่ทองสามสีมันเป็นประกาย
รสชาติหวาน ขนส่งได้ไกล ไม่ช้ำง่าย
6. พันธุ์ยักษ์ไต้หวัน
ผลมีขนาดใหญ่มากและมีน้ำหนักผลประมาณ 350
กรัม หรือ 3 ผลต่อกิโลกรัม
ผิวผลมีสีขาวอมชมพูหรือสีชมพูอมแดง ลักษณะของทรงผลเป็นรูประฆังคว่ำใหญ่
มีความกว้างของผลเฉลี่ย 7 เซนติเมตรและความยาวของผลเฉลี่ย 9-10
เซนติเมตร เนื้อหนามากและเป็นชมพู่ไร้เมล็ด รสชาติหวานกรอบ
มีความหวานประมาณ 13-14 บริกซ์
ถ้าผลผลิตแก่และเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้งจะมีความหวานสูงกว่านี้” และผิวผลจะมีสีชมพูเข้มสวยงาม
7. พันธุ์เขียวหยก (เขียวใหญ่)
ลำต้นแข็งแรงแตกแขนงดี
ทนโรคได้ดี พุ่มกว้างปานกลาง โตเร็ว ข้อถี่ ติดผลเร็วและดก ผลตรง ผิวมันนวลเขียว
ยาว 25-35 ซม. คอผลใหญ่ ปลายผลป้าน
ผลไม่นิ่มง่าย น้ำหนักดี อายุเก็บเกี่ยว 45-50 วัน
หลังย้ายกล้า
8. พันธุ์มะเหมียว
เป็นชมพู่ที่ทีขนาดลำต้นใหญ่ ใบกว้างหนาเป็นมัน
ดอกสีแดง ก้านดอกสั้น ออกดอกเป็นกลุ่มตามกิ่ง ผลแก่จะมีสีแดงเข้ม
มีกลิ่นหอมเหมือนดอกกุหลาบ เนื้อนุ่มฉ่ำน้ำ เมล็ดโต รสชาติหวานอมเปรี้ยว
9. พันธุ์สาแหรก
เป็นชมพู่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับชมพู่มะเหมี่ยว
แตกต่างกันที่ ชมพู่สาแหรกมีสีแดงอมชมพูมีริ้วจากขั้วมาที่ก้นผล เนื้อผลสีขาวนุ่ม
รสชาติหอมหวาน ลำต้นและใบคล้ายชมพู่มะเหมี่ยว กิ่งแขนงตั้งฉากกับลำต้น
10. พันธุ์สตอเบอร์รี่
มีผลขนาดใหญ่
มีสีแดงคล้ายกับชมพู่ทับทิมจันทร์
แตกต่างกับพันธุ์ทับทิมจันทร์ตรงที่ทรงผลของชมพู่พันธุ์โปรตุเกส
ลักษณะผลทรงระฆังใหญ่ รสชาติหวาน กรอบ เนื้อแข็ง อร่อยมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น